เทคนิคการตกแต่งห้องชุดสำหรับปล่อยเช่า


นอกเหนือจากทำเล ที่ตั้ง และทิศทางของห้อง การตกแต่งห้องชุดก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเรื่องหนึ่งของการปล่อยเช่า ตกแต่งอย่างไรให้โดนใจผู้เช่า? ?ปล่อยเช่าง่าย ได้ราคา ผู้เช่าตัดสินใจไว? Condo Lumpini Brokerage มีเทคนิคดีๆ มาแนะนำดังนี้

1. การจัดผังห้อง
การจัดวางที่ดี จะช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างสำหรับใช้ประโยชน์ต่างๆ ภายในห้อง และทำให้ห้องแลดูเป็นสัดส่วน น่าอยู่อาศัย เริ่มแรกควรวางผังห้องให้ลงตัว กำหนดพื้นที่ห้องให้ชัดเจน ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว รวมถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ ตามมุมต่างๆ



2. โทนสีของห้อง
สีของห้องส่งผลต่อบรรยากาศ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย คนส่วนใหญ่มักชอบสีพื้นๆ ที่ทำให้รู้สึกสบายตา สงบ ร่มเย็น สร้างความสุขแก่ผู้อยู่อาศัย เพราะฉะนั้นควรเลือกสีห้องที่โทนกลางๆ เช่น ขาว เทา น้ำตาล ซึ่งเป็นสีที่เรียบง่าย และคลาสสิกตลอดกาล



3. เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้
โดยส่วนใหญ่ผู้เช่ามักสนใจห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อม และครบครัน ภายในห้องจึงควรมีเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆ เช่น โซฟา ตู้เตียง แอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า



4. แสงสว่างภายในห้อง
การจัดแสงจะช่วยทำให้บรรยากาศภายในห้องดีขึ้น แน่นอนแสงสว่างควรทั่วถึงทุกพื้นที่ภายในห้อง มองเห็นสิ่งของภายในชัดเจน สบายตา โดยแสงโทนต่างๆ ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน แสงไฟโทนเหลือง ทำให้รู้สึกอบอุ่น, แสงสีขาว หรือที่เรียกว่าแสง day light ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้น ควรเลือกใช้แสงให้เหมาะสมกับห้องนั้นๆ



5. จัดระเบียบของใช้ในห้อง
ห้องที่สะอาดและเป็นระเบียบ ช่วยสร้างความประทับใจแก่ผู้เช่า ควรวางข้าวของเครื่องใช้ในพื้นที่ใช้งานนั้นๆ เพื่อให้สามารถหยิบจับใช้สอยได้สะดวก ไม่ปล่อยให้กระจัดกระจาย และควรหมั่นทำความสะอาดห้องให้สะอาด เป็นระเบียบอยู่เสมอ



ตัวอย่างการตกแต่งห้อง Built-in


5 ความเข้าใจผิดกับการซื้อคอนโดเก่ามือสอง


    ในเวลาที่เราพูดถึง คอนโดมือสอง คนส่วนใหญ่ก็มักจะเข้าใจว่าเป็นคอนโดที่มีราคาถูกกันเสียส่วนใหญ่ หลายคนคิดว่า คอนโดมือสอง ก็อาจจะไม่ต่างอะไรจากรถมือสอง หรือของมือสองต่าง ๆ ที่เสื่อมค่าและราคาตกลงไปตามกาลเวลา แต่ความจริงแล้วคอนโดมือสอง หรือคอนโดเก่า ตอนที่สร้างเสร็จราคานั้นยังไม่ได้สูงเหมือนราคาเริ่มต้นของคอนโดใหม่สมัยนี้ และที่สำคัญมีน้อยโครงการมากที่จะราคาตก นี่คืออีกข้อหนึ่งของความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคอนโดมือสองเท่านั้น ซึ่งในวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคอนโดมือสอง หรือคอนโดเก่ากันให้มากกว่านี้ เผื่อใครที่กำลังมองหาคอนโดมือสองอยู่ จะได้นำสิ่งเหล่านี้ไปประกอบตัดสินใจได้ว่าจะซื้อคอนโดมือสองหรือไม่



1. กลัวซื้อคอนโดมือสองมีแล้วราคาจะตก 
    ราคาของอสังหาริมทรัพย์ ถ้าสภาพไม่เลวร้าย ราคาก็จะขึ้นไปไปตามกลไกราคาที่ดิน นั้นหมายความว่ายิ่งเก่าก็ยิ่งราคาขึ้นอาจจะขึ้นน้อยลงเมื่อเทียบกับตอนที่พึ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ  ดังนั้นคอนโดมือสอง โดยเฉพาะที่อายุมากกว่า 5 ปี ส่วนใหญ่จึงเหมาะกับการซื้อเอาไว้อยู่เอง หรือปล่อยเช่า มากกว่าการซื้อมาเก็งกำไรเพื่อขายต่อ

2. กู้สินเชื่อซื้อคอนโดได้ไม่เกิน 80% ของราคาประเมิน ถ้าต้องการครอบครองคอนโดมือสอง
    ส่วนใหญ่เราก็มักจะยื่นกู้ไปสัก 130% สำหรับธนาคารที่ปล่อยกู้สินเชื่อแค่ 80% ของราคาซื้อขาย เมื่อธนาคารอนุมัติก็จะได้พอดี 100% ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับราคาประเมินของธนาคารอีกด้วย ดังนั้น เรื่องของวงเงินกู้ที่จะกู้ได้ ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของโครงการและราคาที่ดินในย่านนั้นๆเป็นหลัก ถ้าโครงการดีจริงๆ ธนาคารก็จะประเมินราคาออกมาสูง และจะทำให้เรายื่นกู้ได้สูงขึ้น  

3. ซื้อคอนโดมือสอง อาจมีค่าใช้จ่ายที่ตามมาเยอะ
    จริงๆแล้วสำหรับคอนโดใหม่ก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมเยอะไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นค่าทำสัญญา ค่าจอง ค่ากองทุน และค่าส่วนกลางล่วงหน้า ซึ่งในส่วนของค่าใช้จ่ายเหล่านี้รวม ๆ กันอย่างต่ำก็เกือบแสนแล้ว ยิ่งเป็นโครงการที่หรูขึ้นไปอีกก็อาจจะต้องจ่ายแพงมากขึ้น  ค่าจองและค่าทำสัญญาดูเหมือนจะเป็นการจ่ายค่านายหน้าและค่าบริการเสียมากกว่า  การหาจังหวะซื้อตอนที่ฟรีค่าจดจำนอง ฟรีค่าโอน ค่าทำสัญญาจึงน่าจะเป็นจังหวะที่ดีที่ แต่สำหรับคอนโดมือสอง เราตัดเรื่องค่าจองกับค่าทำสัญญาไปได้เลย เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตกลง คุณสามารถตกลงกับเจ้าของเก่าให้เขาออกค่าโอนกรรมสิทธิ์ให้ได้เลย ส่วนค่ากองทุนและค่าส่วนกลาง เจ้าของห้องคนเก่าจ่ายให้ไปแล้วเพราะถ้าไม่จ่ายเขาจะไม่มีสิทธิ์ขายห้องให้กับเรา ทำให้เราไม่ต้องออกเงินสดเองเหมือนคอนโดใหม่ แต่เจ้าของคอนโดคนเก่าก็จะแอบรวมค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลงในค่าคอนโดแล้ว  พูดง่าย ๆ คือ ค่าใช้จ่ายจิปาถะตลอดการทำเรื่องเราสามารถตกลงให้รวมไปกับราคาห้องแล้วให้เจ้าของห้องคอนเก่าออกให้ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองกับเจ้าของคอนโดคนเก่า

 
    ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะหนักหน่อยสำหรับคอนโดมือสอง คงหนีไม่พ้นค่าตกแต่ง ซ่อมแซมค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล และสภาพห้องที่ได้มา ดังนั้นการซื้อคอนโดมือสองโดยส่วนใหญ่ จึงนิยมตกลงกับผู้ขายแล้วยื่นกู้ให้เกินราคาคอนโดที่ตั้งไว้ เพื่อที่จะได้เงินส่วนต่างดอกเบี้ยต่ำมาเป็นค่าตกแต่งห้องอีกด้วย 



4 ซื้อคอนโดมือสองอาจจะอยู่ได้ไม่นานเพราะอายุตึก 
    ความจริงแล้วเรื่องของอายุคอนโดในประเทศไทย คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจผิดกันมาตลอด  โดยเข้าใจกันว่าอาคารและสิ่งก่อสร้างมีอายุไม่เกิน 50 ปี ซึ่งุเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด เพราะอายุของตึกขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย 1 ในปัจจัยเหล่านั้นคือการดูแลรักษาอย่างดีก็จะช่วยยืดอายุได้เกือบร้อยปีเลยนะคะ ยกอย่าง ตึก Empire State ที่นิวยอร์ค ก็อายุ 86 ปีแล้ว (สร้างเสร็จเมื่อ คศ. 1931) ดังนั้น สิ่งที่เราควรดูให้แน่ใจสำหรับคอนโดมือสองคือระบบการดูแลของนิติ การจัดเก็บเงินค่าส่วนกลางและเงินกองทุนที่จะนำมาใช้ในการบำรุงรักษาอาคารให้อยู่ในสภาพที่ดี  

5. คอนโดมือสอง ปล่อยเช่ายาก 
    สำหรับใครที่อาจจะต้องการซื้อคอนโดเพื่อลงทุนปล่อยเช่า แล้วมองว่าคอนโดมือสอง น่าจะไม่ตอบโจทย์หรือปล่อยเช่ายาก เราอาจจะกำลังมองในมุมของผู้เช่าโดยใช้ความรู้สึกของตัวเองอยู่ ความจริงแล้วการที่คอนโดจะปล่อยเช่ายากหรือง่าย มันขึ้นอยู่กับทำเล และ Demand มากกว่า  ถ้าเราซื้อคอนโดใหม่ในทำเลที่ผู้เช่าไม่มีกำลังเช่ามากนัก แต่เราต้องปล่อยเช่าในราคาที่สูง ก็อาจจะทำให้ปล่อยเช่ายากได้เช่นกัน    ในขณะเดียวกันหากซื้อคอนโดเก่าที่ราคาไม่สูงมาก ปรับปรุงนิดหน่อย ก็อาจจะสามารถปล่อยเช่าในราคาที่ตลาดต้องการก็ได้ คอนโดมือสองจึงมีความได้เปรียบในเรื่องการปล่อยเช่ามากกว่าคอนโดใหม่ เนื่องจากเราสามารถเห็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้อย่างชัดเจน ไม่ต้องมาเดาหรือคาดคะเนให้ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็น ราคาค่าเช่า  ความต้องการเช่า สภาพของโครงการ นิติ การเดินทาง สภาพแวดล้อมเป็นต้น  

สรุปแล้วคอนโดมือสองน่าซื้อหรือไม่
    คอนโดมือสองค่อนข้างได้เปรียบคอนโดใหม่ในเรื่องของข้อมูลในทุก ๆ ด้านเลยค่ะ ดังนั้นไม่ว่าอยากจะได้ข้อมูลใด ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ก็สามารถที่จะสืบได้เลย  แม้กระทั้งผู้อาศัยส่วนใหญ่เป็นใคร อายุเท่าไร  ห้องไหนมีเด็ก  มีปัญหาอะไรบ้าง ก็สามารถสืบได้ไม่ยาก  การซื้อคอนโดมือสองจึงถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมากเหมาะกับคนที่ต้องการความแน่นอน หรือนักลงทุนซื้อคอนโดปล่อยเช่า  

เตือน.!! 10 จุดล่อแมลงเข้าบ้าน


    10 จุดนี้ ที่เป็นตัวล่อแมลงเข้ามาในบ้าน ถ้าไปตรงไหนก็เจอแต่แมลงที่ไม่ได้รับเชิญ อาจมีต้นเหตุมาจาก 10 จุดนี้ เรามาหาวิธีป้องกันก่อนแมลงยึดบ้านกันเถอะ 



    ไม่ว่าจะเป็นแมลงมีพิษหรือไม่มีพิษ ก็สร้างความรำคาญให้ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นยุง แมลงหวี่ แมลงวัน แมลงเม่า แมลงสาบ และแมลงอื่น ๆ อีกหลายชนิด ถ้าไม่อยากเห็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ แบบนี้วนเวียนวุ่นวายในบ้าน เช่น เข้ามาหาอาหารกินหรือทำรัง หมั่นดูแลบ้านโดยเฉพาะ 10 จุดนี้ให้ดี เพราะเป็นจุดสำคัญที่ล่อแมลงเข้ามาในบ้านมากกว่าจุดอื่นๆ ตอนนี้มาหาทางป้องกันไปพร้อม ๆ กันเลย 

1. รอยร้าว 
    ควรรีบซ่อมและอุดรอยรั่วในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกบนผนังหรือแม้กระทั่งรอยร้าวเล็ก ๆ บนกระจกหน้าต่างกับประตู ก็ล้วนเป็นช่องที่เปิดทางให้แมลงเข้ามาทำรังในบ้านทั้งนั้น

2. แอ่งน้ำ
    แหล่งน้ำขังนี่แหละที่ทำให้เหล่ายุงร้ายยกทัพเข้ามาอยู่ในบ้านโดยไม่ได้รับเชิญ เช่น การสำรองน้ำประปาในถังแต่ไม่ปิดฝา รางน้ำฝน รวมไปถึงถ้วยใส่น้ำดื่มของสัตว์เลี้ยง แต่การกำจัดนั้นง่ายนิดเดียว แค่หมั่นเปลี่ยนน้ำสัปดาห์ละครั้งหรือโรยเกลือในแอ่งน้ำที่ไม่สามารถระบายออกได้ นอกจากนี้ก็คอยสังเกตและเทน้ำขังตามจุดต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ออกไปด้วย 

3. เตาปิ้ง 
    ปาร์ตี้ปิ้งย่างอาจไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะมดหลายร้อยตัวจะเข้ามาหากินตามเศษอาหารที่ติดอยู่ตามจาน-ชามและตะแกรงเตาปิ้ง หากไม่รีบเก็บกวาดทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องใช้ และสถานที่ให้เรียบร้อยหลังใช้งาน

4. ลังกระดาษ 
    ไม่ใช่แค่ปลวกเท่านั้นที่จะยกทัพมากินลังกระดาษและของข้างใน เพราะแมลงสาบและแมลงสามง่าม (Silverfish) ก็อยากเข้ามาทำรังด้วยเหมือนกัน หากไม่จำเป็นก็เปลี่ยนมาใช้กล่องพลาสติกกันเถอะ

5. ไฟหน้าบ้าน 
    แม้ไม่ใช่จุดที่พบเห็นแมลงมาทำรังบ่อย ๆ แต่แสงไฟก็เป็นตัวเชื้อเชิญให้แมลงเข้ามาเล่นไฟและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นก็คือ ยุงและแมลงที่ชอบเล่นไฟ เช่น แมลงเม่า ดังนั้นควรติดไฟให้ห่างจากตัวบ้านหรือเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟกันแมลง ก็จะช่วยป้องกันปัญหาได้

6. แหล่งความชื้นสูง 
    ช่วงฤดูฝนต้องระวังเป็นพิเศษ ตรงไหนมีน้ำรั่ว น้ำขัง หรือความชื้นสูงควรรีบทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง หากพบรอยน้ำรั่วตามท่อก็ซ่อมให้เรียบร้อย ก่อนที่จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงและจุดก่อตัวของเชื้อรา 

7. ถังขยะ 
    จริง ๆ แล้วถังขยะไม่ใช่ต้นเหตุโดยตรง แต่กลิ่นเหม็นที่โชยออกไปต่างหากคือตัวการสำคัญ จึงควรวางถังขยะไว้นอกบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นแหล่งอาหารของแมลงตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วหมั่นล้างถังขยะให้สะอาดและทำให้แห้งสนิททั้งด้านนอก-ด้านใน 

8. หน้าต่างและประตู 
    แมลงอาจจะเข้ามาได้ตอนที่เปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ มีมุ้งลวดปิดอีกชั้นจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยลมก็สามารถพัดเข้ามาได้ นอกจากนี้ประตูและหน้าต่างควรมีขนาดที่พอเหมาะเปิด-ปิดพอดีกับกรอบ ไม่ผิดรูป บิดเบี้ยว โค้งงอ มีรอยหรือรูที่ให้แมลงเดินผ่านได้

9. ผลไม้ 
    ผลไม้ที่ไม่ได้นำไปแช่ตู้เย็นหรือเก็บในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด หากวางไว้ด้านนอกนาน ๆ จะปล่อยก๊าซเอทิลีน (ethylene) ซึ่งเป็นก๊าซที่ล่อแมลงหวี่เข้ามา จึงควรกินให้หมดหรือนำไปทิ้งก่อนผลไม้จะเน่า

10. ของใช้สัตว์เลี้ยง 
    นอกจากเห็บหมัดบนตัวสัตว์เลี้ยงที่ต้องระวังแล้ว ควรหมั่นดูแลและทำความสะอาดของใช้ของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่น ส่วนอาหารสัตว์เลี้ยงก็นำไปเก็บไว้ในที่แห้งและมีฝาปิดมิดชิด

    ตอนนี้ก็รู้กันแล้วว่ามีจุดไหนบ้างที่ล่อแมลงเข้ามาหากินและทำรังในบ้าน อย่าลืมหมั่นดูแล ทำความสะอาด และซ่อมแซมให้เรียบร้อย ก่อนที่สัตว์ตัวเล็ก ๆ เหล่านี้จะพากันมาอาศัยในบ้านทั้งฝูง
เคล็ดลับขจัดคราบสกปรกในห้องน้ำ


    คราบสกปรกในห้องน้ำ สิ่งกวนใจของเหล่าแม่บ้านพ่อบ้านรักความสะอาด ด้วยห้องน้ำเป็นห้องที่มีปัจจัยทำให้เกิดคราบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความชื้นภายในห้อง คราบสบู่ แชมพู ครีมนวดผม อาจจะทำให้เกิดคราบที่ไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ วันนี้จึงนำวิธีขจัดคราบสกปรกในห้องน้ำมาฝาก เผื่อจะได้ลองเอาไปใช้ดู



1. รอยร้าว 
    วิธีกำจัดคราบ : นำเบกกิ้งโซดามาผสมน้ำส้มสายชูหรือจะใช้น้ำยาขัดห้องน้ำที่อ่านจากฉลากว่ามีส่วนผสมของกรดเกลือ เมื่อได้น้ำยาขัดห้องน้ำแล้ว ให้อุดช่องระบายน้ำให้สนิทก่อน แล้วเทน้ำยาขัดห้องน้ำในบริเวณที่เป็นคราบทิ้งไว้ 1 -2 ชั่วโมง จากนั้นให้ใส่ถุงมือและผ้าปิดปากก่อนจะเทน้ำเปล่าลงไปที่พื้นห้องน้ำ แล้วขัดตามปกติ ถ้าจุดไหนคราบฝังแน่นมาก ก็ให้เทลงเฉพาะจุด ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วค่อยขัดออก

2. วิธีขจัดคราบราดำในห้องน้ำ 
    วิธีกำจัดคราบ : ใช้เบกกิ้งโซดามาโรยไว้ให้ทั่วห้องน้ำ ตามรอยต่อของกระเบื้องทิ้งไว้ 5 นาทีจากนั้นก็ใช้น้ำส้มสายชูกลั่น 5% ราดลงไปตามรอยต่อที่มีคราบราดำ ขัดเบาๆ ด้วยแปรงสีฟันเก่าๆ คราบก็จะค่อย ๆ หลุดไป ถ้าทิ้งรอยคราบไว้นานจนฝังลึกอาจจะไม่สะอาดในครั้งแรก จะต้องทำเรื่อย ๆ ทำซ้ำหลายครั้งจึงจะสะอาดไร้รอยคราบราดำ



3. วิธีขจัดคราบบนสุขภัณฑ์ต่าง ๆ
    บริเวณที่เป็นก๊อกน้ำ ฝักบัว สายชำระที่ใช้วัสดุเป็นสีโครเมี่ยม,สเตนเลสหรือทองเหลืองนั้น อาจจะเกิดความหมองจากคราบไขมันของผู้ใช้งาน วิธีทำให้กลับมาแวววาวเหมือนเดิม เพียงเช็ดเบา ๆ ด้วยผ้านุ่มที่ชุบน้ำส้มสายชู หรือจะใช้น้ำยาขัดอเนกประสงค์ที่มีขายทั่วไปอย่าง น้ำยาสเตคลีน , บรัสโซ หรือ Stainless steel cleaner  ส่วนสุขภัณฑ์อย่างโถส้วมที่อาจจะมีคราบเหลืองจากปัสสวะในบริเวณคอห่านทำให้ไม่น่าดู ก็สามารถขจัดคราบโถส้วมได้ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาโรยทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วกดน้ำล้างออก จากนั้นก็ใช้กระดาษทราบเบอร์ 800 เพื่อขัดคราบออก หรือถ้าเป็นคราบแน่นฝังตัว ก็อาจจะใช้กระดาษทิชชู่ปูบนบริเวณที่มีคราบเหลืองชัดเจนแล้วฉีดน้ำส้มสายชูให้ชุ่ม ทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วดึงกระดาษทิชชู่ออกก่อนจะขัดคราบด้วยแปรงขัดสุขภัณฑ์อีกที

4. วิธีขจัดคราบบนกระจกเงาหรือกระจกห้องอาบน้ำ  
    วิธีกำจัดคราบ : นำน้ำสบู่ผสมกับน้ำส้มสายชูแล้วนำผ้านุ่มๆ ชุบบีบให้หมาด เช็ดถูเบาๆ คราบจะลอกออกได้อย่างง่ายดาย พร้อมๆ กับความเงางาม ดูสะอาดเหมือนใหม่

    การทำความสะอาดห้องน้ำควรทำอย่างสม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อจะทำให้เราสามารถขจัดสิ่งสกปรกได้โดยเร็ว เนื่องจากสิ่งสกปรกยังไม่ติดแน่นฝังลึกและสะอาดน่าใช้อยู่เสมอ เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 4 วิธีง่ายๆที่จะทำให้ห้องน้ำของทุกๆท่านน่าใช้อยู่ตลอดเวลา ใครนำวิธีเหล่านี้ไปใช้แล้วหรือมีเทคนิคอื่น บอกกล่าว แนะนำ Admin กันบ้างน๊า

    หมายเหตุ สารเคมีที่มีความเป็นกรดสูงอาจจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังและระบบหายใจ ในการทำความสะอาดห้องน้ำด้วยสารเคมีเหล่านี้ควรสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง

3 เทคนิคการประหยัดไฟในคอนโด


    ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนเงินทองก็ไม่ใช่สิ่งหากันได้ง่ายๆ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีเทคนิคการประหยัดที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ใกล้ที่สุดที่สามารถทำได้ทุกครัวเรือนก็คงไม่พ้น 'การประหยัดไฟ' โดยเฉพาะคนเมืองที่อาศัยอยู่ในคอนโดซึ่งต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายอย่างหนัก วันนี้ Admin จึงนำ '3 เทคนิคการประหยัดไฟในคอนโด' มาฝากเพื่อนๆชาวลุมพินีให้ได้อ่านกัน



1. ถอดปลั๊กที่ไม่ได้ใช้ ก็ช่วยเราประหยัดไฟในคอนโดได้ 
    การไปเดินห้างในวันหยุด เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคนเมืองที่ต้องการประหยัดไฟในคอนโด นอกจากนี้ยังสามารถทำได้ง่ายมากๆ เพราะแทนที่จะนอนเปิดแอร์อยู่ที่ห้องก็เปลี่ยนไปเดินห้างหาของอร่อยๆ ทาน นั่งจิบกาแฟ หรือเลือกช้อปสินค้าสุดโปรดจะดีกว่า หลายคนอาจตั้งคำถามว่ามันจะเปลืองเงินกว่าเดิมหรือเปล่า อันนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคนครับ บางคนประหยัดค่าไฟเพราะเก็บเงินก็มี หลายคนประหยัดค่าไฟเพราะแบ่งเงินมาช้อปก็มีเช่นกัน แต่ถ้าคุณต้องการเก็บเงินล่ะก็ข้ามข้อนี้ไปได้เลย



2. ประหยัดไฟในคอนโด ด้วยการไปห้างวันหยุด
    วิธีกำจัดคราบ : ใช้เบกกิ้งโซดามาโรยไว้ให้ทั่วห้องน้ำ ตามรอยต่อของกระเบื้องทิ้งไว้ 5 นาทีจากนั้นก็ใช้น้ำส้มสายชูกลั่น 5% ราดลงไปตามรอยต่อที่มีคราบราดำ ขัดเบาๆ ด้วยแปรงสีฟันเก่าๆ คราบก็จะค่อย ๆ หลุดไป ถ้าทิ้งรอยคราบไว้นานจนฝังลึกอาจจะไม่สะอาดในครั้งแรก จะต้องทำเรื่อย ๆ ทำซ้ำหลายครั้งจึงจะสะอาดไร้รอยคราบราดำ

3. เริ่มประหยัดไฟในคอนโดง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม
    สำหรับคนที่ต้องการประหยัดไฟในคอนโด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราสามารถเริ่มประหยัดไฟในคอนโดได้ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้แอร์ เช่น ตั้งเวลาปิดแอร์ อาจสัก 2 ชั่วโมงก่อนตื่น เพียงเท่านี้เราก็สามารถประหยัดไฟในคอนโดได้หลายบาทแล้วครับ นอกจากนี้เรายังประหยัดไฟในคอนโดได้ด้วยการเคลียร์ของในตู้เย็น เพราะถ้าเรามีของในตู้เย็นมากจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและแน่นอนค่าไฟก็จะแพงขึ้นด้วย ดังนั้นอะไรที่ไม่ใช้แล้วก็ควรเคลียร์ออกให้หมด แม้แต่ซากน้ำแข็งในช่องแช่แข็งในช่องฟรีซก็ควรละลายเป็นประจำ อีกทั้งเราไม่จำเป็นต้องเปิดไฟทั้งห้อง ให้เน้นเปิดเฉพาะจุดก็พอ เช่น ถ้าจะอ่านหนังสือก็ให้เปิดไฟในจุดนั้นเพียงจุดเดียวหรือเลือกที่จะใช้โคมไฟแทน ฝึกแบบนี้ทุกวันให้เป็นนิสัยแล้วการประหยัดไฟในคอนโดจะกลายเป็นเรื่อง่าย Admin หวังว่าวิธีที่นำมาฝากในวันนี้ช่วยให้ชาวลุมพินีประหยัดไฟได้มากขึ้นใคร ทำแล้วมาบอก Admin ด้วยน๊า